บทที่ 1
บทนำ
ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
การศึกษาเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้มนุษย์สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
ครูจึงเป็นบุคคลที่มีความสำคัญยิ่งที่จะทำให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถ
เพื่อนำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีในสังคม การสอนของครูเป็นกระบวนการหนึ่งในการพัฒนาบุคคลให้มีความรู้ ความสามารถ ตลอดจนมีเจตคติที่ดีต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ.2542 ได้กำหนดความมุ่งหมายและหลักการการจัดการศึกษา ต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทย
ให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญหา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรม และวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต
สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมี
ความสุข การจัดกระบวนการเรียนรู้
สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการ
จัดกิจกรรมให้ผู้เรียน
ได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้ทำได้ คิดเป็น รักการอ่าน
และเกิดการใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง จัดการเรียนการสอน โดยผสมผสานสาระความรู้ด้านต่าง
ๆ อย่างได้
สัดส่วนสมดุลกัน
รวมทั้งปลูกฝังคุณธรรม ค่านิยมที่มีงาม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้ใน
ทุกวิชา
การสอนวิชา การจัดการฟาร์ม
ซึ่งมีจุดประสงค์ให้นักศึกษา มีความรู้ความเข้าใจ ด้านการจัดการฟาร์ม
สามารถนำความรู้ด้านการจัดการฟาร์มไปใช้ในการตัดสินใจในวิชาชีพได้
และเนื้อหารายวิชาได้มุ่งเน้นให้นักศึกษามีทักษะการคำนวณในหน่วยการสอนเรื่องหลักและทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ที่ช่วยในการตัดสินใจแต่จากประสบการณ์ที่สอนวิชานี้มาหลายปีพบว่า นักศึกษา
มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
เรื่องหลักและทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ที่ช่วยในการตัดสินใจต่ำ
แม้ว่าได้ให้ความสนใจจัดการเรียนการสอนในเรื่องนี้เป็นพิเศษ
ซึ่งผู้วิจัยคาดว่าสาเหตุอาจมาจากนักศึกษา
ไม่ชอบการคิดคำนวณหรืออาจมาจากวิธีการจัดการเรียนการสอนไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ
ดังนั้น
เพื่อเป็นการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนในวิชาการจัดการฟาร์ม
และเพื่อให้การจัดการเรียนการสอนสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ผู้วิจัยจึงคิดปรับปรุงวิธีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
หน่วยการสอน เรื่อง หลักและทฤษฎี
เศรษฐศาสตร์ที่ช่วยในการตัดสินใจ
โดยมุ่งจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่สร้างบรรยากาศ
ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ
เน้นผู้เรียนอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ให้เกิดความกระตือรือร้น
ในการเรียนและมีการแข่งขันกันทำกิจกรรม
โดยคาดว่าการจัดบรรยากาศการเรียนการสอนแบบนี้
จะทำให้นักศึกษามีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น
ผู้วิจัยจึงได้ทำการศึกษาผลของการจัดการเรียนการสอน วิธีเรียนแบบร่วมมือ
รูปแบบ Teams-Games-Tournaments ที่มีต่อผล
สัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษา
วัตถุประสงค์การวิจัย
1. เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษา ด้วยวิธีการจัดการเรียนการสอน
วิธีเรียนแบบร่วมมือ รูปแบบ Teams-Games-Tournaments
2. เพื่อศึกษาเจตคติของนักศึกษาต่อวิธีการจัดการเรียนการสอน วิธีเรียนแบบ
ร่วมมือ รูปแบบ Teams-Games-Tournaments
สุมมติฐานการวิจัย
1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษา ที่เรียนโดยวิธีการจัดการเรียนการสอน
วิธีเรียนแบบร่วมมือ รูปแบบ Teams-Games-Tournaments สูงขึ้น
2. นักศึกษามีเจตคติที่ดีต่อวิธีการจัดการเรียนการสอน วิธีเรียนแบบร่วมมือรูป
แบบ Teams-Games-Tournaments
ประโยชน์ของการวิจัย
1. เพื่อใช้เป็นแนวทาง ในการปรับปรุง
และพัฒนาการจัดการเรียนการสอนวิชาการจัดการฟาร์ม
2. เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุง และพัฒนาการเรียนการสอนวิชาอื่น ๆ
ของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพัทลุง
3. เพื่อใช้เป็นแนวทางในการวิจัยในชั้นเรียนเรื่องอื่นๆ
ขอบเขตของการวิจัย
1. ขอบเขตของเนื้อหา
การวิจัยครั้งนี้มุ่งศึกษาผลของการจัดการเรียนการสอน วิธีเรียนแบบร่วมมือ รูปแบบ Teams-Games-Tournaments
หน่วยการสอน หลักและทฤษฎี
เศรษฐศาสตร์ที่ช่วยในการตัดสินใจวิชาการจัดการฟาร์ม ซึ่งทำการเรียนการสอน เรื่อง
กฎผลได้
ลดน้อยถอยลง
กฎแห่งการทดแทนกัน กฎค่าเสียโอกาส และหลักการตัดสินใจเรื่องเวลาใน
การลงทุน
2. ขอบเขตของประชากร ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นนักศึกษาระดับชั้น
ปวส.2 วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพัทลุง
ที่เรียนวิชาการจัดการฟาร์ม ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2544
จำนวน 25 คน
3. ตัวแปรที่ศึกษา
3.1 ตัวแปรต้น คือ
วิธีการจัดการเรียนการสอนวิธีเรียนแบบร่วมมือ รูปแบบ Games-Games-Tourments
3.2 ตัวแปรตาม คือ
3.2.1
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษา หน่วยการสอน เรื่อง
หลักและทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ที่ช่วยในการตัดสินใจ
3.2.2
ระดับเจตคติของนักศึกษาต่อวิธีการจัดการเรียนการสอนวิธีเรียน
แบบร่วมมือ รูปแบบ Teams-Games-Tournaments
คำนิยามศัพท์เฉพาะ
1. วิทยาลัย หมายถึง
วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพัทลุง
2. นักศึกษา หมายถึง นักศึกษา
ระดับชั้น ปวส.2 วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพัทลุง
ที่เรียนวิชา การจัดการฟาร์ม ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2544
3. วิชาการจัดการฟาร์ม หมายถึง
รายวิชาการจัดการฟาร์มรหัสวิชา 3505-2006 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง
พุทธศักราช 2540 ประเภทวิชาเกษตรกรรม กรมอาชีวศึกษา
4. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง
คะแนนที่นักศึกษาทำได้จากแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน หน่วยการสอน เรื่อง
หลักและทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ที่ช่วยในการ
ตัดสินใจ
ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
5. เจตคติของนักศึกษา หมายถึง
ความพึงพอใจของนักศึกษาในการปฏิบัติของครูและของนักศึกษาเองต่อวิธีการจัดการเรียนการสอนวิธีเรียนแบบร่วมมือรูปแบบ
Teams-Games-Tournaments โดยได้จากการใช้แบบประเมินที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
เพื่อวัดบทบาทของครูและบทบาทผู้เรียน
บทที่ 2
เอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
บทนี้กล่าวถึง วิชาการจัดการฟาร์มกับหลักสูตร การจัดการศึกษาตาม
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ.2540 การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง การเรียนแบบร่วมมือ
รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ Teams-Games-Tournaments
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
วิชาการจัดการฟาร์มกับหลักสูตร
หลักสูตรประกาศนียวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) พุทธศักราช 2540 ประเภทวิชา
เกษตรกรรม
กรมอาชีวศึกษามี 11 สาขาวิชา คือ สาขาวิชาเกษตรศาสตร์
สาขาวิชาพืชศาสตร์ สาขาวิชาสัตวศาสตร์ สาขาวิชาช่างกลเกษตร สาขาวิชาธุรกิจเกษตร สาขาวิชาอุตสาหกรรม
สาขาวิชาการประมง
สาขาวิชาสัตวรักษ์ สาขาเทคโนโลยีภูมิทัศน์ สาขาวิชาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม
และสาขาวิชาเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
วิยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพัทลุง
ได้เปิดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง พุทธศักราช 2540 ประเภทวิชาเกษตรกรรม 3 สาขาวิชา คือ สาขาวิชาเกษตรศาสตร์ สาขาวิชาพืชศาสตร์ และสาขาวิชาสัตวศาสตร์ ซึ่งแต่ละสาขาวิชาจะมีจุดประสงค์ และโครงสร้าง
หลักสูตร
แตกต่างกันไป โดยจุดประสงค์จะเน้นให้ผู้เรียนมีความรู้ ทักษะ
และประสบการณ์ทางสาขาวิชานั้น เช่น
สาขาวิชาเกษตรศาสตร์ มีจุดประสงค์ และโครงสร้างหลักสูตร ดังนี้ (กระทรวง-
ศึกษาธิการ 2540 : 11-35)
จุดประสงค์
1. เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ทักษะ
และประสบการณ์งานทางด้านการเกษตรทั่วไป
2. เพื่อให้ผู้เรียนตระหนักถึงความสำคัญ และมีเจตคติที่ดีต่ออาชีพเกษตร
3. เพื่อให้ตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม
4. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้ ทักษะ
และประสบการณ์ไปประกอบอาชีพได้
ตลอดจนเป็นฐานในการศึกษาระดับที่สูงขึ้น
โครงสร้างหลักสูตร
ผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง
พุทธศักราช 2540 ประเภทวิชาเกษตรกรรม
สาขาวิชาเกษตรศาสตร์ ต้องศึกษารายวิชาในหมวดต่าง ๆ ดังโครงสร้างต่อไปนี้
1. หมวดวิชาพื้นฐาน 18 หน่วยกิต
2. หมวดวิชาชีพ 56 หน่วยกิต
2.1 วิชาชีพพื้นฐาน (15 หน่วยกิต)
2.2 วิชาชีพเฉพาะ (25 หน่วยกิต)
2.3 วิชาชีพเลือก (ไม่น้อยกว่า 12 หน่วยกิต)
2.4 การฝึกงาน/โครงการ/โครงการวิชาชีพ (4 หน่วยกิต)
3. หมวดวิชาเลือกเสรีไม่น้อยกว่า 10
หน่วยกิต
รวมไม่น้อยกว่า 84 หน่วยกิต
โครงสร้างหลักสูตรสาขาวิชาสัตวศาสตร์จะเหมือนกับสาขาวิชาเกษตรศาสตร์
แต่โครงสร้างหลักสูตรสาขาวิชาพืชศาสตร์กำหนดให้ผู้สำเร็จการศึกษาต้องศึกษารายวิชาต่าง ๆ
ไม่น้อยกว่า 83 หน่วยกิต โดยต้องศึกษาในหมวดวิชาชีพ ไม่น้อยกว่า 55
หน่วยกิต ส่วน
หมวดวิชาอื่น
ๆ เหมือนกับสาขาวิชาสัตวศาสตร์ และเกษตรศาสตร์
รายวิชาการจัดการฟาร์ม รหัสวิชา 3505-2006 เป็นวิชาที่มีจำนวนหน่วยกิต 3
หน่วยกิต ซึ่งกำหนดเรียนทฤษฎี 2 คาบ/สัปดาห์ ปฏิบัติ 2 คาบ/สัปดาห์ ในสาขาวิชาเกษตรศาสตร์
ได้กำหนดให้เป็นวิชาหนึ่งในหมวดวิชาชีพเฉพาะ สาขาวิชาพืชศาสตร์
กำหนดให้เรียนในหมวดวิชาชีพพื้นฐาน ส่วนสาขาวิชาสัตวศาสตร์
อยู่ในหมวดวิชาเลือกเสรี ซึ่งให้ผู้เรียนเลือกเรียนตามความถนัด และความสนใจ
ซึ่งรายวิชานี้มีจุดประสงค์ และคำอธิบายรายวิชา ดังนี้
(กระทรวงศึกษาธิการ 2540 :
187)
จุดประสงค์รายวิชา
เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจด้านการจัดการฟาร์ม
สามารถนำความรู้ในด้านการจัดการฟาร์มไปใช้ในการตัดสินใจในวิชาชีพ
คำอธิบายรายวิชา
ความหมายและความสำคัญของการจัดการฟาร์ม
หลักและทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ ช่วยในการตัดสินใจ การใช้ปัจจัยการผลิต
การคิดค่าเสื่อมราคาหรือค่าสึกหรอ
การบันทึกข้อมูลและการวิเคราะห์ผลการดำเนินงานฟาร์ม
การวางแผนและการจัดทำงบประมาณฟาร์ม การวาง
รูปฟาร์ม
การประเมินราคาฟาร์ม การนำกรณีตัวอย่างของฟาร์มประเภทต่าง ๆ
ที่ประสบผลสำเร็จมาใช้ประกอบศึกษา ปัญหาการจัดการฟาร์มและแนวทางแก้ไข
การคำนวณหาระยะการผลิตตามหลักว่าด้วยผลได้ลดน้อยถอยลง
คำนวณ
ค่าเสียโอกาส
คำนวณหาอัตราทดแทนกันตามหลักว่าด้วยการใช้ปัจจัยการผลิตทดแทนกัน
คำนวณระยะการตัดสินใจในการลงทุนที่เหมาะสม คำนวณค่าสึกหรอ ประเมินราคาฟาร์ม
วางแผนและจัดงบประมาณฟาร์ม
วิเคราะห์ผลการดำเนินงานฟาร์ม
ศึกษากรณีตัวอย่างของ
ฟาร์มที่ประสบความสำเร็จในท้องถิ่น
การจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ.2542
มาตรา
6 หมวด 1 พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ.2542
(กรมอาชีวศึกษา,ม.ป.ป.) กำหนดให้การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์
ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญหา ความรู้
และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมใน
การดำรงชีวิต
สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข และในการจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่า
ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้
และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด
กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้สอนสามารถวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับ
ผู้เรียนในแต่ละระดับการศึกษา ตามมาตรา 30 หมวด 4
ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ. 2542 (กรมอาชีวศึกษา,ม.ป.ป.)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น