เรื่องที่ 1 ความสำคัญของการศึกษาเอกสาร
ที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย
@ เรื่องที่ 1.1
ความสำคัญของการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย
คุณสมบัติที่สำคัญของนักวิจัย
คือ เป็นนักอ่าน นักคิด และนักค้นคว้า
การศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง (Related literature) เป็นสิ่งที่ผู้วิจัยต้องกระทำเพื่อให้ได้สารสนเทศที่เป็นประโยชน์ในการทำวิจัยของตน-
การศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย หมายถึง
การค้นคว้าเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับประเด็นหรือเรื่องที่กำลังจะวิจัย เอกสารที่เกี่ยวข้องหมายหมายถึงเอกสารที่เป็นแหล่งข้อมูล
ตำรา
บทความ
และงานวิจัยที่มีความสำคัญพออ้างอิงได้กับงานวิจัยของเรา ซึ่งไม่จำเป็นต้องตรงกับชื่อปัญหาที่จะวิจัย
แต่มีเนื้อหา ผลสรุป เกี่ยวพันกับงานวิจัยที่จะทำ
เพื่อให้การนิยามปัญหาเด่นชัดยิ่งขึ้น
การศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย
อาจจะทำก่อนที่จะได้ประเด็นหรือเรื่องที่จะวิจัย
ก็ได้ แต่การค้นคว้าแบบนั้นถือว่าเป็นการค้นคว้าทั่ว
ๆ ไป เป็นการค้นคว้าเพื่อเลือกปัญหามาทำวิจัย
ค้นเพื่อหาคำตอบว่าจะทำวิจัยเรื่องอะไรดี
ค้นแบบกว้าง ๆ
จะเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ได้
แต่ในตอนนี้จะกล่าวถึงการค้นคว้าเพื่อสนับสนุนหรือเพื่อให้เป็นประโยชน์ในการวางแผนและการดำเนินงานวิจัยอย่างมีประสิทธิผล
คือ
เป็นการค้นคว้าเมื่อได้ปัญหาวิจัยในขั้นต้นเรียบร้อยแล้ว
การค้นคว้าจะค้นเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะวิจัย เพื่อทำให้ผู้วิจัยทราบว่ามีนักวิชาการ และนักวิจัยอื่น ๆ ได้ศึกษาค้นคว้า
วิจัยเกี่ยวกับปัญหาวิจัยของตนไว้อย่างไรบ้าง
@ เรื่องที่ 1.2 จุดมุ่งหมายของการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย
การศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย มีจุดมุ่งหมายสำคัญคือ
เพื่อให้ได้สารสนเทศที่เป็นประโยชน์ในการวางแผนการวิจัย และการดำเนินการวิจัยให้ได้ผลงานวิจัยที่มีคุณภาพ
ซึ่งแยกเป็นจุดมุ่งหมายย่อย ๆ ได้ดังนี้
1.
เพื่อช่วยในการกำหนดปัญหาวิจัย
เมื่อพบสภาพปัญหาที่จะวิจัยแล้ว
สารสนเทศที่แสดงให้เห็นว่าปัญหาวิจัยที่จะทำเป็น
ปัญหาวิจัยที่ดีนั้น
ผู้วิจัยจะได้จากการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยเท่านั้น
นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้วิจัยเกิดความเข้าใจอย่างกระจ่ายชัดในปัญหาที่จะวิจัยอีกด้วย
2.
เพื่อสร้างกรอบความคิดและกำหนดสมมุติฐานการวิจัย
สารสนเทศที่ได้จากการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย
จะช่วยผู้วิจัยให้สามารถ
นิยามตัวแปร
อธิบายความสัมพันธ์ของตัวแปร นำความรู้จากการศึกษาแนวคิด ทฤษฎี
กฎ หลักการต่าง ๆ และผลการวิจัย มาสร้างกรอบความคิดสำหรับการวิจัย
และกำหนดสมมุติฐานการวิจัย
3.
เพื่อหลีกเลี่ยงการทำซ้ำกับผู้อื่น
การทำวิจัยซ้ำนั้นจะทำได้ก็ต่อเมื่อผลการวิจัยเรื่องนั้นมีปัญหา
เช่น การควบคุมตัวแปร
เกิดความคลาดเคลื่อน
กระบวนการทำบกพร่อง เป็นต้น
ผู้วิจัยอาจศึกษาซ้ำเพื่อดูผลว่าแตกต่างกันเพียงใด
แต่ถ้าเป็นการวิจัยที่ถูกต้องทุกประการแล้ว ปัญหาที่ตรงกันไม่นิยมทำซ้ำ
การศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้ผู้วิจัยทราบว่าในสาขาวิชาที่ตนสนใจนั้นมีปัญหาใดบ้าง
ที่เขาทำกันแล้ว ทำเมื่อไร ผลเป็นอย่างไร
และหลีกเลี่ยงไม่ทำซ้ำซ้อนในเรื่องเดียวกัน
4.
เพื่อกำหนดแบบแผนและวิธีการวิจัย
การจะได้แนวทางในการดำเนินการวิจัยนั้น
ผู้วิจัยจะต้องศึกษาเฉพาะงานวิจัยที่มีผู้ทำไว้แล้วอย่างละเอียด
ซึ่งจะทำให้ได้สารสนเทศในการดำเนินการ ดังนี้
4.1 ขอบเขตของการวิจัย
สารสนเทศจากการศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
จะช่วยผู้วิจัยได้ทราบว่าควรศึกษาครอบคลุมตัวแปรใด
ควรกำหนดขอบข่ายประชากรและกลุ่มตัวอย่างประชากรมากน้อยเพียงใดและอย่างไร
4.2 การออกแบบการวิจัย
การศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง
จะทำให้ผู้วิจัยสามารถออกแบบการวิจัยได้อย่างเหมาะสมและดีกว่าการวิจัยที่ทำมาแล้ว
4.3 เครื่องมือและการเก็บรวบรวมข้อมูล
การศึกษารายงานวิจัยที่เกี่ยวข้องทำให้ผู้วิจัยได้ทราบว่า
เครื่องมือที่จะใช้ในการวิจัยของตนนั้นควรสร้างขึ้นใหม่ หรือสามารถนำเครื่องมือที่มีอยู่แล้วจากงานวิจัยมาใช้ได้เลย
การเก็บรวบรวมข้อมูลควรใช้วิธีการใด จึงจะได้ข้อมูลและผลการวิจัยที่มีความตรงสูง
4.4 วิธีวิเคราะห์ข้อมูลและการแปลความหมาย
การศึกษารายงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
ทำให้ผู้วิจัยตัดสินใจเลือกวิธีวิเคราะห์ข้อมูลว่าควรใช้วิธีใด
ควรแปลความหมายผลการวิเคราะห์อย่างไร
เพื่อให้การอ้างอิงผลการวิจัยมีความตรงภายนอกสูง
4.5 การอภิปรายผลการวิจัยและการให้ข้อเสนอแนะ
การที่ผู้วิจัยได้ศึกษารายงานวิจัยที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียดรอบคอบ
ผู้วิจัยย่อมได้ข้อมูลจากข้อค้นพบในงานวิจัยเหล่านั้นเป็นฐานในการเปรียบเทียบ
อภิปรายผลการวิจัยได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น และเห็นแนวทางในข้อเสนอแนะด้วย
4.6 การนำเสนอรายงานการวิจัย
การจะเสนอรายงานวิจัยแตกต่างจากการเขียนรายงานธรรมดา
เพราะงานวิจัยมีกระบวนการแบบวิธีการทางวิทยาศาสตร์ การเขียนรายงานจึงมีระบบแบบแผน
การจะเขียนได้ถูกต้องเป็นที่ยอมรับทั่วไปจำเป็นต้องศึกษางานเขียนของผู้อื่นว่ามีจุดเด่น
จุดด้อยของการเสนออย่างไร
การอ่านงานวิจัยเพื่อเปรียบเทียบจึงเป็นสิ่งที่นักวิจัยจะต้องทำ
มิฉะนั้นแบบการเสนอรายงานการวิจัยจะไม่มีการพัฒนาเลย
กิจกรรมที่ 1
https://googledrive.com/host/0B0JZ6wd_AX30SjBQOHpGNTdqa1E/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น